ราคาบอลไหล หรือราคาน้ำของฟุตบอลที่มีการเปลี่ยนแปลงแบบขึ้น/ลง อยู่ตลอดตั้งแต่ช่วงก่อนแข่งขัน ไปจนช่วงระหว่างการแข่งขัน ทำให้ราคาน้ำที่ขึ้น/ลงแบบนี้ กลายเป็นชื่อเรียกติดปากของเหล่านักเดิมพันฟุตบอลว่า “ราคาบอลไหล”
โดยการไหลของราคาบอลจะขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมต่างๆ นั่นทำให้คนที่ลงเดิมพันบอลสามารถใช้โอกาสของราคาบอลไหลนี้ ในการแทงบอลให้มีโอกาสชนะมากขึ้นได้
ในบทความนี้มารู้จักกับราคาบอลไหลว่าคืออะไร อะไรที่เป็นตัวทำให้เกิดราคาบอลที่เปลี่ยนแปลงได้อยู่ตลอด รวมไปถึงวิธีแก้เกมเมื่อต้องแทงบอลในคู่ที่มีราคาบอลไหลว่าต้องทำยังไงบ้าง เพื่อทำกำไรจากโอกาสของราคาที่ขึ้นลงอยู่
ทำความรู้จักกับราคาน้ำ
ก่อนที่จะไปถึงราคาบอลไหล มาทำความรู้จักกับราคาน้ำฟุตบอลกันก่อนว่ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร
ราคาน้ำหรือค่าน้ำฟุตบอล เป็นการกำหนดราคาโดยเจ้ามือหรือเว็บไซต์ที่รับทางแทงบอล ซึ่งจะแสดงเป็นค่าตัวเลขให้คนเลือกเล่นหลายแบบ ทั้งแบบฮ่องกง, แบบยุโรป, แบบมาเลย์, แบบอินโด โดยราคาน้ำที่กำหนดเอาไว้นี้จะใช้ในการคำนวณอัตราการได้ / เสียของคนแทงบอล
ตัวอย่าง การคำนวณค่าน้ำแบบมาเลย์
ค่าน้ำฟุตบอลแบบมาเลย์ (MY) เป็นค่าน้ำที่ได้รับความนิยมมากในการแทงบอลไหล ซึ่งจะมีค่าน้ำดำและค่าน้ำน้ำแดง ที่สามารถนำไปคำนวณได้ดังนี้
1. ค่าน้ำแดง เป็นค่าน้ำที่มีค่าติดลบ ที่จะได้เงินคืน เช่น ราคาบอล -0.72 แทงไป 100 บาท
- หากแทงได้ จะได้เงิน 200 บาท
- หากแทงเสีย จะเสียเงินตามราคาน้ำคือ 72 บาท และได้เงินคืน 28 บาท
2. ค่าน้ำดำ เป็นค่าน้ำที่ไม่ติดลบ ที่จะไม่ได้คืน เช่น ราคาบอล 0.60 แทงไป 100 บาท
- หากแทงได้ จะได้เงินกลับมาเป็นกำไร 60 บาท
- หากแทงเสีย จะเสียเงินเดิมพันเต็มจำนวน
แต่ราคาน้ำจะเป็นราคาที่เกิดการไหลได้ โดยเฉพาะในช่วงก่อนการแข่งขันเริ่ม 1 ชั่วโมง ซึ่งการไหลขึ้น/ลง ของราคาบอลสามารถบอกได้ว่า
- ราคาบอลไหลขึ้น ที่ทีมไหนนั่นคือ ทีมนั้นเริ่มมีอัตราความได้เปรียบมากกว่า ฟอร์มดีกว่า ทำให้มีทำสกอร์ได้ตามราคาที่เปิดเอาไว้
- ราคาบอลไหลลง ที่ทีมไหนนั่นคือ ทีมนั้นฟอร์มการเล่นไม่ดี มีโอกาสจะทำสกอร์ตามราคาที่เปิดเอาไว้ไม่ได้
ดังนั้นราคาบอลที่ไหลขึ้นในช่วงการแข่งขันไปจนถึงช่วงเริ่มครึ่งหลัง นั่นหมายถึงทางเว็บแทงบอลจ่ายเราในอัตราที่เพิ่มขึ้นตามราคาที่ไหลขึ้น แต่หากราคาบอลไหลลงนั่นคือราคาบอลที่แทงไว้จะได้น้อยลง ซึ่งเป็นกลไกของการกำหนดราคาฟุตบอลนั่นเอง
ทำไมจึงเกิดราคาบอลไหล
ราคาบอลไหลเกิดขึ้นเพื่อเป็นตัวบอกความได้เปรียบและเสียเปรียบของบอลในแต่ละคู่ ซึ่งจะมีการกำหนดขึ้นมาตามความเหมาะสมโดยพิจารณาจากปัยจัยต่างๆ ทั้งก่อนและระหว่างการแข่งขัน เช่น
- มีผู้เล่นได้ใบแดง
- เปลี่ยนตัวผู้เล่น / ผู้เล่นบาดเจ็บ
- อันดับทีมที่สูงหรือต่ำกว่า
- ฟอร์มการเล่นทั้งในฤดูกาล และระหว่างการแข่งขัน
ราคาบอลไหลถูกกำหนดขึ้นมาอย่างไร?
การตั้งราคาบอลไหลนั้น ทางเจ้ามือหรือเว็บไซต์จะใช้ 3 ปัจจัยหลัก ในการตั้งราคาออกมา ได้แก่
1. การวิเคราะห์ข้อมูล
เป็นการนำข้อมูลต่างๆ มาวิเคราะห์ โดยอาจจะจ้างนักวิเคราะห์บอลที่มีประสบการณ์ ซึ่งคนเหล่านี้จะนำเอาข้อมูลมาคาดการณ์ล่วงหน้า ด้วยเครื่องมือหรือโปรแกรมที่ใช้คำนวณราคาออกมาได้อย่างสมเหตุสมผล
2. การคาดการณ์กระแสเงินสด
ขั้นตอนต่อมาจะใช้การคำนวณความเป็นไปได้ของรายจ่าย ให้กับลูกค้าที่แทงบอลชนะ เพื่อให้กระแสเงินสดอยู่ในสภาวะไม่ขาดทุน ด้วยเครื่องมือที่เป็นอัลกอริทึม ซึ่งจะช่วยให้ทางเจ้ามือสามารถรักษาสมดุลของการจ่ายเงินเอาไว้ได้
3. การคำนวณมาร์จิ้น (Margin)
การคำนวณมาร์จิ้นหรือกำไรขั้นต้น เป็นการคำนวณกำไรที่ทางเจ้ามือจะได้รับจากการกำหนกราคาแต่ครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าทั้งหมดนี้รวมเข้าไปในเปอร์เซ็นของราคาบอลที่ไหลอยู่แล้ว โดยจะเป็นจำนวนที่ไม่ได้กระทบต่อการแทงบอลของลูกค้า
วิธีสังเกตราคาบอลไหล
ถ้าใครที่อยู่ในเว็บแทงบอลอยู่แล้วจะต้องเคยเห็นราคาบอลที่มีลูกศรวิ่งขึ้นลงอยู่ นั่นคือราคาบอลไหลนั่นเอง โดยราคาบอลไหลมักจะไม่ค่อยมีในราคาต่อรอง แต่ในราคาบอลนั้นจะเกิดขึ้นเป็นปกติ ซึ่งการไหลจะสังเกตได้จาก
- ราคาบอลไหลขึ้นของทีมต่อ จะเป็นลูกศรขึ้นสีเขียว
- ราคาบอลไหลลงของทีมรอง จะเป็นลูกศรลงสีแดง
ถ้าเว็บไหนเริ่มกำหนดราคาบอลไว้แล้ว ในช่วงก่อนหน้ามักจะพบว่าราคาบอลจะยังค่อนข้างนิ่ง หรือไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย จนพอถึงเวลาก่อนแข่งขันสัก 1 ชั่วโมง จะเกิดราคาบอลไหลขึ้นลง เนื่องจากมีคนเริ่มเข้ามาแทงเยอะขึ้นเรื่อยๆ
สูตรการแก้ทางเมื่อแทงราคาบอลไหล
เมื่อราคาบอลเริ่มไหลแล้ว ก็จะมีวิธีตามราคาไหลแบบที่เซียนบอลหลายคนเลือกใช้อยู่ มาดูกันเลยว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะตามราคาได้ถูกและทำเงินได้จากการแทงราคาบอลไหล
1. แทงตามทิศทางการไหล
วิธีการแรกนั่นคือตามราคาบอลไหลไปเลย หากราคาบอลไหลขึ้นก็เลือกแทงตามทีมต่อ และถ้าบอลไหลลงก็เลือกแทงทีมรอง เพราะโอกาสที่ผลจะเป็นจริงตามนั้นก็มีอยู่มาก
แต่วิธีการนี้ต้องใช้การสังเกตนานหน่อยว่าไหลขึ้นหรือลงจริงๆ เนื่องจากบางทีมีราคาบอลไหลหลอก โดยที่บางคนไม่ได้อ่านข้อมูลวิเคราะห์บอลมาก่อน แล้วอยู่ๆ ราคาบอลไหลสวน ก็จะทำให้พลาดโอกาสแทงชนะไป
2. แทงตามราคาบอลไหลในทิศเดียวกัน
สังเกตราคาบอลให้ดี โดยเฉพาะช่วงที่ราคาไม่ได้ไหลมากจนเกินไป แล้วให้ดูว่ามีบอลทีมไหนบ้างที่มีราคาบอลไหลไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ว่าจะขึ้นหรือลงจำนวนตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไป
แล้วถ้าใช้การอ่านวิเคราะห์บอลไปด้วย หรือดูสดไปพร้อมกันอยู่ จะช่วยให้คุณเห็นโอกาสว่าราคาที่ไหลสมเหตุสมผล ก็เลือกแทงทีมที่ราคาไหลไปทิศเดียวกัน
3. รอให้แข่งกันไปก่อน 10 นาที
สูตรแบบ 10 นาที จะช่วยให้มั่นใจว่าราคาไหลนั้นขึ้นหรือลงได้ถูกต้องตามที่ควรจะเป็น เพราะบางคนอาจจะเห็นว่าราคาบอลฝั่งต่อขึ้นเอาๆ จนตัดสินใจแทงบอลต่อตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข่ง แต่พอแข่งจริง ฝั่งบอลต่อกลับฟอร์มตก เอาตัวสำรองเล่นเยอะ เจ็บตัว โดนใบแดง นั่นจะทำให้ราคาบอลเกิดการเปลี่ยนแปลงไปเยอะ จนอาจจะได้ไม่คุ้มก็ได้
ดังนั้นสูตรแบบรอ 10 นาทีจะช่วยให้เห็นฟอร์มการเล่นก่อน แล้วจะรู้ว่าคุ้มค่าสมราคาบอลหรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้เห็นเปอร์เซ็นการชนะของทีมต่อหรือทีมรองได้
สรุปท้ายบทความ
แน่นอนว่าการวิเคราะห์ราคาบอลไหลนั้นจะส่งผลต่อการแทงบอลให้ชนะได้ แต่ก็ต้องสังเกตราคาบอลไหลให้ดี เพราะบางทีอาจมีการเกิดราคาบอลไหลหลอกขึ้นมา จนทำให้คุณนั้นสับสนจนลงเดิมพันไปผิด กลายเป็นแพ้ในตอนสุดท้ายได้
ดังนั้นก่อนการลงเดิมพัน เมื่อดูราคาบอลไหลแล้วให้ดูอัตราการไหลให้ดี หากเกิดการไหลของราคาที่ทำให้คุณรู้สึกแปลกๆ ให้คุณลองหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบอลคู่นั้น ว่าเกิดอะไรขึ้นจนทำให้ราคาปั่นป่วน แล้วจึงค่อยตัดสินใจลงเดิมพันจะดีที่สุด